เมื่อสังคมเผชิญวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจหรือภัยพิบัติ คนเรามักแสวงหาที่พึ่งทางใจเพื่อบรรเทาความทุกข์ ในสังคมไทย เราอาจเห็นผู้คนหันไปพึ่งไสยศาสตร์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันมากขึ้น แต่พุทธศาสนาเสนอแนวทางที่แตกต่างออกไป นั่นคือการพัฒนาตนเองเพื่อเอาชนะปัญหา
ไสยศาสตร์ดีอย่างไร?
ไสยศาสตร์และความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีข้อดีบางประการ เช่น
ช่วยปลอบประโลมใจ ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นในยามทุกข์
สร้างกำลังใจ ทำให้รู้สึกมีที่พึ่ง
อาจช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิมากขึ้น
ในบางกรณี อาจช่วยให้คนรวมจิตใจได้เร็วในยามคับขัน
อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาสิ่งเหล่านี้มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลเสีย เช่น การรอคอยความช่วยเหลือจากภายนอกโดยไม่ลงมือทำอะไร การสูญเสียความสามารถในการพึ่งพาตนเอง หรือแม้แต่การถูกหลอกลวงจากผู้แอบอ้างอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์
พุทธศาสน์ว่าอย่างไร?
พุทธศาสนาไม่ได้ปฏิเสธการมีอยู่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยสิ้นเชิง แต่สอนให้พิจารณาถึงประโยชน์และโทษของความเชื่อเหล่านั้น โดยเน้นการพัฒนาตนเองผ่านการฝึกฝนทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ พุทธศาสนาสนับสนุนให้เราเผชิญหน้ากับปัญหาและใช้ปัญญาในการแก้ไข แทนที่จะรอคอยอำนาจภายนอกมาช่วยเหลือ
พุทธศาสนาวางหลักการสำคัญไว้ 4 ประการ
ให้ทำการให้สำเร็จด้วยความเพียรของตัวเองตามเหตุตามผล นี่คือหลักการพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง เราควรลงมือทำด้วยตัวเอง ใช้ความพยายามและความอดทนในการแก้ปัญหาหรือทำงานให้สำเร็จ โดยคำนึงถึงเหตุและผลเสมอ ไม่ใช่รอให้โชคช่วยหรือหวังพึ่งอำนาจภายนอก
ใช้เรื่องนั้น ปัญหานั้น สิ่งที่ต้องทำ หรือสิ่งที่ต้องเผชิญนั้นเป็นเครื่องมือหรือเป็นเวทีในการฝึกฝนพัฒนาตนเอง แทนที่จะมองปัญหาเป็นอุปสรรค ให้มองว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ทุกครั้งที่เราเผชิญปัญหาและพยายามแก้ไข เราจะได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และเข้าใจตนเองมากขึ้น
ให้รู้จักพึ่งตนเอง จะได้มีอิสรภาพ และพึ่งตนเองได้ การพึ่งพาตนเองเป็นหัวใจสำคัญของพุทธศาสนา เมื่อเราสามารถพึ่งพาตนเองได้ เราจะมีอิสรภาพอย่างแท้จริง ไม่ต้องพึ่งพาหรือขึ้นอยู่กับผู้อื่นหรืออำนาจภายนอก การฝึกฝนให้พึ่งพาตนเองได้จะทำให้เรามีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น
ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ความไม่ประมาทคือการมีสติ ระมัดระวัง และเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในยามปกติหรือยามวิกฤต เราควรตื่นตัว ไม่ปล่อยปละละเลย และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ชาวพุทธจะปฏิบัติตัวอย่างไร?
ชาวพุทธควรยึดหลักการสำคัญ 4 ประการข้างต้น โดยพยายามพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา และมองทุกสถานการณ์เป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต
สำหรับผู้ที่ยังมีความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พุทธศาสนายอมให้อาศัยความเชื่อนั้นเป็นที่พึ่งทางใจในเบื้องต้น แต่ต้องระวังไม่ให้ผิดหลักการสำคัญ 4 ประการ และต้องพยายามพัฒนาตนเองให้พ้นจากการพึ่งพาสิ่งภายนอกในที่สุด โดยใช้ความเชื่อนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการสร้างกำลังใจ แล้วก้าวต่อไปสู่การพัฒนาปัญญาของตนเอง
เราควรนับถือศาสนาอย่างไร?
การนับถือศาสนาควรเป็นไปเพื่อการพัฒนาตนเอง ไม่ใช่เพียงเพื่อหวังพึ่งพาอำนาจภายนอก ศาสนาควรเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจชีวิตและโลกรอบตัวมากขึ้น พัฒนาจิตใจและปัญญา และสามารถเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีสติ
พุทธศาสนาสอนให้เราพัฒนาจากความมั่นใจด้วยศรัทธา ไปสู่ความมั่นใจด้วยปัญญา เปรียบเสมือนการก้าวจากความมั่นใจของคนตาบอดที่จับราว ไปสู่ความมั่นใจของคนตาดีที่มองเห็นทางชัดเจน การนับถือศาสนาแบบนี้จะช่วยให้เราเติบโตทางปัญญาและจิตใจ ไม่ใช่เพียงแค่รอคอยความช่วยเหลือจากภายนอก
ทำอย่างไรจะพ้นเคราะห์ได้จริง?
การพ้นเคราะห์ที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการหลีกหนีหรือรอคอยให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ แต่เกิดจากการเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างมีสติและปัญญา เราควรมองเคราะห์เป็นโอกาสในการพัฒนาตนเอง ฝึกฝนความเข้มแข็งทางจิตใจ และหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์
พุทธศาสนาสอนให้เราเปลี่ยนมุมมองจากการ "หนีเคราะห์" เป็นการ "ใช้เคราะห์ให้เป็นโอกาส" เพื่อพัฒนาตนเองอย่างแท้จริง ดังคติที่ว่า "คนฉลาดทำเคราะห์ให้เป็นโอกาส แต่คนประมาททำโอกาสให้เป็นเคราะห์" เมื่อเราฝึกฝนตนเองผ่านการเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค เราจะค่อยๆ พัฒนาปัญญาและความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น
พุทธศาสนาเสนอแนวทางการดำเนินชีวิตที่เน้นการพัฒนาตนเอง การใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา และการมองทุกสถานการณ์เป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต แทนที่จะพึ่งพาอำนาจภายนอกหรือหวังให้โชคช่วย การปฏิบัติตามหลักคำสอนเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเผชิญหน้ากับปัญหาและความท้าทายในชีวิตได้อย่างมั่นคงและมีความสุขมากขึ้น ท้ายที่สุด พุทธศาสนาสอนให้เราไม่ท้อแท้หรืออ่อนแอเมื่อเจอปัญหา แต่ให้เข้มแข็งและใช้ปัญหานั้นเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตนเองให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป
อ้างอิง
บทความนี้สรุปจากหนังสือ ถ้าอยากพ้นวิกฤต ต้องเลิกติดไสยศาสตร์ ของ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต) ในรายการทบทวนข้อธรรมเบ็ดเตล็ด ภาคเพล วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม 2540 ณ วัดญาณเวศกวัน
Responses (0 )